วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีการเลือกซื้อกีตาร์สำหรับผู้เริ่มต้น

วิธีการเลือกซื้อกีตาร์สำหรับผู้เริ่มต้น


สวัสดีครับกระทู้นี้ผมเขียนจากความคิดและประสพการ์ณส่วนตัวล้วนๆนะครับ

ซึ่งเหมาะสำหรับน้องๆที่เริ่มต้นที่จะทำความรู้จักกับอุปกรณ์สุดมหัศจรรย์ที่เราเรียกว่า "กีตาร์"

ซึ่งในส่วนนี้ผมขอพูดถึงกีตาร์ไฟฟ้าแล้วกันนะครับ โดยจะกล่าวถึงการเลือกซื้อกีตาร์สักตัวมาใช้

โดยจะกล่าวรวมๆทั้งการเลือกซื้อกีตาร์ให่มและกีตาร์มือ2 ว่าการจะมีกีตาร์สักตัวใว้ใช้นั้นเราต้อง

ดูต้องเลือก และทำความเข้าใจอะไรกับมันบ้าง

ถ้าเราจะมีกีตาร์สักตัว เราต้องรู้อะไรบ้าง

ถ้าแบบกว้างๆก็คงมีประมาณนี้ก่อนนะครับ

1. รูปทรง ซึ่งมีมากมายเหลือเกิน ซึ่งในกีตาร์แต่ละทรงแต่ละแบบนั้นก็มักจะให้เอกลักษ์ของโทนเสียงต่างกัน

ไปแม้ จะไม่ใช่ทั้งหมดเพราะมีองค์ประกอบอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งรูปทรงแบบไหนดีสุดคงไม่มีคำตอบให้

ครับ เพราะบางทีมันก็อยู่ที่ความพอใจและความชอบของแต่ละบุคล

2. ยี่ห้อของกีตาร์ ซึ่งในสว่นนี้อาจมีความสำคัญสำหรับบางคนแต่อาจไม่ใช่สาระสำหรับบางคนเช่นกัน

ซึงถ้าเรามียี่ห้อที่ใช่อยู่ในใจแล้ว นั้นก็ทำให้เราสารถตีวงในการเลือกกีตาร์สักตัวมาคู่กายเราได้ง่ายขึ้น

แต่ถ้าท่านไม่ซีเรียสมากว่าต้องเป็นยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ท่านก็จะมีตัวเลือกที่มากมายเพิ่มขึ้นกับการหากีตาร์คู่ใจของ

ท่าน ซึ่งทั้ง2อย่างนี้ยืนอยู่บนพื้นฐานความพอใจของแต่ละบุคลครับ

3. งบประมาณ ซึ่งอันนี้ผมว่ามีความสำคัญมาก เพราะมันคือตัวกำหนดเลยว่าท่านจะสามารถมีตัวเลือกได้มาก

แค่ไหน ยิ่งงบมีมาทางเลือกของท่านก็จะมากขึ้น แต่นั้นก็ไม่ได้ความว่าเรามีงบประมาณจำกัดแปลว่าเราจะไม่มี

ตัวเลือกนะครับ ถ้าเรารู้จักที่จะเลือกอย่างใช้สติ และคุ้มค่าเงินทุกบาทที่จ่ายไป 

ที่นี้ถ้าท่านมีข้อสรุปใน3ข้อข้างบนได้พอสมครวแล้ว ท่านก็คงจะพอมีกีตาร์สักตัวในใจที่เล็งใว้แล้ว

ที่นี้ก็มาถึงการดูรายละเอียดปลีกย่อยต่อไปครับ ซึ่งนั้นก็คือความถนัดในการเล่น เสียง และเช็คการทำงาน

ของอุปกรณ์ทั่วไปของกีตาร์

ซึ่งทั้งหมดข้างบนนี้ท่านเองละที่ต้องลอง ซึ่งมักมีอีกคำถาตามมาว่าเวลาไปลองกีตาร์เค้าลองอะไร อย่างไร

เพื่ออะไร ซึ่งผมจะกล่าวถึงพอเป็นข้อสังเกตุคร่าวๆนะครับ เพราะดว้ยรูปแบบของกีตาร์ที่หลายหลายเหลือเกิน

ผมคงไม่สามารถพูดถึงลายละเอียดปลีกย่อยได้ทั้งหมดนะครับ 

ไปลองกีตาร์เค้าลองอะไรกัน แล้วต้องเล่นเพลงอะไรหรือครับ


นี่เป็นอีกคำถามที่เจอบ่อยสำหรับน้องๆที่หัดเล่นกีตาร์ ซึ่งอาจจะเป็นข้อกังวลใจของน้องๆบางท่านว่า

ไม่รู้จะเล่นอะไร เล่นไปก็อายเค้า ซื้อๆไปเลยหยิบและจ่ายเงินไปเลย แล้วค่อยกลับมาเล่นมาลองที่บ้านให้

ชุ่มใจ ซึ่งผมว่านั้นเป็นการกระทำที่ไม่ครวสักเท่าไรครับ เพราะถ้าท่านไม่ได้ลองหาข้อด้อย จุดเด่น

ความถนัด แล้วเมื่อท่านซื้อกลับมาบ้านแล้วมาพบเจอ นั้นคือปัญหาของท่านแล้วละครับที่ต้องมาทนกับปัญหา

ที่เกิดขึ้นจากกีตาร์ที่ท่านไม่ลองก่อนซื้อ เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาศที่จะได้ลองกีตาร์ก่อนซื้อขอให้ลองไปครับ

การลองทดสอบเล่นกีตาร์ ที่เราจะซื้อไม่ได้หมายถึงเราต้องไปเล่นโชว์การปั่นการสวีฟ หรือเล่นเพลงยอดฮิต

หรอกครับ

มาเริ่มลองกีตาร์กันเลยครับ

ขั้นแรกก็จับกีตาร์ขึ้นมาเลยครับแล้วตั้งสายกีตาร์ซะซึ่งสำคัญมากถึงมากที่สุดสำหรับการตั้งสาย


เมื่อตั้งสายเสร็จแล้วลองเล่นดูไม่ต้องเสียบแอมป์ก็ได้ครับ อ้าวแล้วจะเล่นอะไรละ

ผมก็ขอตอบว่าเล่นอะไรก็ได้ครับจะเป็นเพลง หรือไม่เป็นเพลงก็ได้ครับ ตีคอร์ดเฉยๆยังได้ เพราะนี้ไม่ใช้การ

โชว์บนเวทีครับ แต่เราต้องการรู้ว่าเราถนัดกับมันไหม เวลาเล่นแล้วถนัดมากน้อยแค่ไหน ซึ่งกีตาร์ที่เราเล่นแล้ว

รู้สึกถนัด จะทำให้เราเค้นความสามรถเราออกมาได้มากกว่ากีตาร์ที่เราเล่นแล้วฝืนความรู้สึกตัวเองครับ

ลองสะพายกีตาร์แล้วยืนเล่นกีตาร์ด้วยนะครับเพื่อเช็คความถนัดในการยืนเล่นของเรา เพราคุณคงไม่สามารถนั่งเล่นกีตาร์ได้เสมอไปครับ 

จากข้างบนก็มาต่อครับหลังจากลองเล่ลองดีดแค่วัดความถนัดคร่าวๆแล้ว ลองเช็คในจุดอื่นๆของกีตาร์ครับ

ขั้นแรกลองเช็คว่าสายมีอาการติดเฟรทไหมเวลาดีดซึ่งทำง่ายๆโดยการกดที่ช่อง1สาย1 แล้วลองดีดดูว่าเสียง

ที่ออกมาเป็นไง มีเสียงที่สายกีตาร์กระแทกกับก้านเฟรทกีตาร์ไหม แล้วเสียงที่ได้มีความค้างยาว หรือหว้นสั้น

แบบใด ซึ่งถ้าเป็นปกติไม่มีปัญหาเสียงที่ได้ต้องมีความค้างยาวไม่ห้วนสั้นหรือมีเสียงสายตีกับก้านเฟรท

หลังจากนั้นก็ขัยบมากดที่ช่อง2สาย1 แล้วดีและฟังเสียงดูอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ขยับตำแหน่งกดไปเรื่องๆให้

ครบทุกช่องทุกสายครับ

ปล. ถ้าในบางเฟรทที่ดีดแล้วเกิดเสียงสายกระทบเฟรท นั้นไม่ได้หมายถึงกีตาร์ตัวนั้นมีปัญหาเสมอไปนะครับ

เพราะถ้าอาการที่มีไม่มากมายเราสามารถปรับแต่งแก้ไขได้ง่ายๆครับ

หลังจากลองเช็คหาตำแหน่งบอดในคอกีตาร์แล้วที่นี้เรามาลองเช็คอุปกร์ต่างๆของกีตาร์ว่าใช้งานได้100%

เริ่มจากการเสียบกีตาร์เข้าแอมป์แล้วลองเล่นครับ เล่นเพื่ออะไรก็เพื่อเช็คการทำงานในส่วนต่างๆครับ

ขั้นแรกเลยของเช็คพวกปุ่มปรับค่าโทนและวอลลุ่มในตัวกีตารืครับ ว่าเมื่อเราหมุนใช้งานมันแล้ว

มันทำงานตามที่เราควบคุมไหม ลองดีดกีตาร์แล้วหมุนเพิ่มหรือลดวอลลุ่มกีตาร์ทีละนิดแล้วดีดเช็คไปเรื่อยๆ

ว่าเสียงกีตาร์ที่เราได้ยินมันดังเบา ตามจังหวะที่เราหมุนวอลลุ่มกีตาร์ไหม

แล้วก็มาลองเช็คที่ปุ่มปรับโทนของกีตาร์อีกทีโดยใช้วิธีการแบบเดียวกับการเช็คการทำงานของวอลลุ่มกีตาร์

แต่ทีนี้เราจะไม่ฟังความดังเบาของเสียงกีตาร์แต่เราจะเช็คว่าเมื่อหมุนปุ่มโทนของกีตาร์แล้วเสียงกีตาร์ที่เราได้

ยินการเปลี่ยนแปลงของโทนเสียงความทุ้มแหลม มากน้อยเพียงใด 

หลังจากนั้นก็มาลองเช็ค ปิ๊คอัพและซีเลคเตอร์นะครับ ซึ่งทั้งpuและซีเลคเตอร์มีกี่แบบอันนั้นคงไม่ขอกล่าวถึง

ครับเพราะมากมายเกินบรรยาย แต่ผมขอกล่าวถึงแค่การเช็คว่ามันทำงานเป็นปกติไหม เสียงเสียงรบกวนเวลา

เราใช้งานอุปกรณ์พวกนี้ไหม

ลองเล่นกีตาร์ไปแล้วลองสลับซีเลคเตอร์ขึ้นลงไปทีละนิดแล้วดีดไปเรื่อยๆนะครับ เช็คว่าในทุกตำแหน่งที่เรา

เลื่อนตำแหน่งซีเลคเตอร์ไป เสียงกีตาร์ที่ออกมา มันดังครบทุกตำแหน่งในการเลือกใช้งานไหม มีเสียงรบกวน

คอ๊กแค๊ก เวลาใช้งานไหม ซึ่งเสียงรบกวนนี้มักจะมาจากราบสกปรกที่ติดอยู่ตามหน้าสัมผัสของซีเลคเตอร์

ถ้ากีตาร์ตัวที่เราลองมีสวิชที่สามารถตัดคอยล์ของpu ได้ลองใช้งานมันดูแล้วฟังเสียงกีตาร์ว่ามีความเปลี่ยน

แปลงจากการใช้งานไหม

ปล.ในการลองเทสข้อนี้อย่าลืมหมุนเปิดวอลลุ่มและโทนของกีตาร์ด้วยนะครับ 

ที่นี้มาเช็คที่รูเสียบแจ็ค ลองเล่นแล้วขยับตรงจุดนี้ดูครับว่ามีเสียงกีตาร์ออกมาเต็มไหม มีเสียงรบกวนไหม

ซึ่งถ้ามีปัญหานั้นอาจหมายถึงรูแจ็คสว่นนี้ของกีตาร์มีปัญหาครับ 

ย้อนกลับมาดูด้านบนกันบ้างที่นี้พูดถึงลูกบิดกีตาร์ ขั้นแรกลองใช้มือขยับและโยกที่ตัวลูกบิดดูว่า

แน่นหนาดีไหม และลองเทสตั้งสายดูว่า มีความเพี้ยนมากน้อยแค่ไหน โดยการเล่นและดีดกีตาร์ไปสักพัก

ลองดันสายขยี้สายกีตาร์สักครู่ ทีนี้ลองเล่นแบบจับคอร์ดดูแล้วฟังเสียงว่าเสียงกีตาร์ที่ได้มีความเพิ้ยนไหม

ซึ่งถ้าเพี้ยนจากที่เพิ่งตั้งสายใว้นั้นหมายถึงลูกบิดกีตาร์เรามีการคลายตัวครับ ซึ่งเป็นปัญหาให่ญสำหรับ

การเล่นเลยนะครับถ้าเราต้องคอยเล่นไปและตั้งสายไปทุกเพลง 

ลองตรวจดูสภาพเฟรทว่าเป็นไงบ้างยิ่งถ้าเป็นกีตาร์มือ2 ยิ่งต้องดูในจุดนี้ว่าตัวก้านเฟรนมีสถาพดีไหม

ก้านเฟรทมีรอยหรือเปล่าความสึกของก้านเฟรทมากน้อยแค่ไหน ตรวจดู ด้านข้างของ

เฟรทที่ติดกับตัวฟิงเกอร์บอร์ดไหม ติดแน่นไหม มีสว่นไหนง้างขึ้นมาหรือไม่ หรือปลายก้านเฟรทด้านข้าง

ล้ำออกมาจากฟิงเกอร์บอร์ดไหม ลองเอามือรูปด้านข้างของฟิงเกอร์บอร์ด ทั่วคอกีตาร์ว่ามีอาการสะดุดในจุดที่

เป็นด้านเฟรทไหม 

ตรวจสอบสภาพคอ โดยทำได้โดยจับกี่ก้นกีตาร์ยกขึ้นให้ได้ระดับสายตาแล้วให้ตัวกีตาร์ขนานกับพื้น

แล้วลองส่องดูว่าคอกีตาร์มีลักษณะบิดไหม ถ้าบิดนั้นถือว่าอาการหนัก เพราะการแก้ไขค่อนข้างยาก

และมีราคาพอสมครว กีตาร์ตัวไหมมีลักษณะคอบิดครวหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะกีตาร์มือ2ตรงจุดนี้ต้องเช็คให้

ครับ หลังจากดูว่าคอบิดไหม ทีนี้อีกครั้งว่าคอมีลักษณะ แอ่นหรือโค้งไหม ซึ่งตามปกติแล้วมันจะไม่เป็นเส้น

ตรงสักเท่าไรครับจะแอ่นเล็กน้อย ย้ำเพียงแค่เล็กน้อยนะครับ

ซึ่งอาการแอ่นหรือโค้งเล็กน้อยนี้สามารถเป็บแต่งได้ที่เหล็กขันคอกีตาร์ครับ

ที่นี้ลองตรวจสภาพรวมๆของกีตาร์ด้วยตาเปล่าครับ ซึ้งอาจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า กีตาร์ตัวนีงานดี หรือไม่ดี

มีความประณีตในการทำมากน้อยสักแค่ไหน ซึ่งความประณีตนี้ราคากีตาร์ก็เป็นตัวชี้วัดได้บางสว่นครับ

เพราะสว่นนี้มีผลกับความสวยงานของกีตาร์ถึงแม้บางทีจะไม่เกี่ยวกับการใช้งานเลยก็ตาม

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการเลือกซื้อกีตาร์แบบคร่าวๆสำหรับผมนะครับ ก็หวังว่าคงพอมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

ผมพยายามใช้คำที่มันเข้าใจง่ายๆสำหรับมือให่มแล้ว ซึ่งบางทีก็งงที่จะอธิบายในบางจุดดว้ยคำที่ทุกคนเข้าใจ

นะครับ ยังไงท่านอื่นมีอะไรจะเสริมก็เชิญนะครับ ขอบคุณมากๆครับ

ปล กีตาร์ทุกตัวถ้าเป็นกีตาร์ให่ม สิ่งที่สำคัญอีกอย่างนึงที่เราไม่ครวมองข้ามคือการ set up กีตาร์นะครับ

สำหรับมือให่มคงต้องเพิ่งช่างตามร้านก่อนละครับ แต่ก็สามารถทำเองได้ถ้ามีความเข้าใจพอ

ซึ่งก็สามารหาความรู้ได้จากกระทู้อื่นที่เคยมีลงใว้นะครับลองหาอ่านดู 





------------------------------------------------------


ที่มา : http://www.guitarthai108.com/index.php/topic,268.0.html

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไม้สำหรับใช้ทำกีตาร์ ตอนที่2


ไม้สำหรับใช้ทำกีตาร์
ตอนที่ 2
สวัสดีครับ  มาติดตามเรื่องราวของไม้ที่ใช้ทำกีตาร์กันต่อดีกว่า ตอนนี้คงเป็นตอนจบแล้วครับ

 
Maple (Acer Saccharum-Hard Maple)(Acer Macrophyllum-Pacific Maple) มีอยู่สองชนิดคือ Eastern Hard Maple (hard rock maple) กับ Western Soft Maple (Maple ใบใหญ่) Hard Maple เป็นไม้เนื้อแข็ง หนัก และเนื้อแน่น นิยมนำมาทำคอกีตาร์ ลายเสี้ยนจะอยู่ชิดกัน ทำสีได้ง่าย เสียงจะมีความใสและค้างยาวมาก ปนฮาร์โมนิคแหลมๆ เป็นไม้ที่ย้อมสีไม่ได้ เหมาะกับการทำสีแบบใส Soft Maple มีน้ำหนักเบากว่าแต่มีสีขาวเหมือนกัน ให้เสียงที่สดใส ปนแหลม และมีหัวเสียง เนื้อไม้มีความเหนียวมากกว่า Hard Maple ที่เปราะกว่า


Flame Maple (Acer Macrophyllum-Pacific Maple) เรียกกันไปต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็น ลายเพลิง หรือลายเสือ เป็นต้น มีลายตามขวางที่ชัด เป็นริ้วยาว นิยมใช้เป็นไม้ปะหน้าทั้งแบบ 1 ชิ้น และ 2 ชิ้น แต่ต้องเป็นแบบจับเข้าคู่กัน






Quilted Maple (Acer Macrophyllum-Pacific Maple) จะมีลายขวางแบบบิดไปบิดมาเป็นคลื่นๆ มองดูเหมือนปุยเมฆ หรือคล้ายข้าวโพดคั่ว เป็นไม้ที่ค่อนข้างหายาก รูปร่างของลายมีแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ก็จะนำมาใช้ปะหน้าลำตัวเช่นเดียวกัน




 Spalted Maple (Acer Macrophyllum-Pacific Maple) ไม้แบบนี้ส่วนใหญ่มักจะมาจากต้นไม้ที่ยืนตาย เส้นสีเข้มๆนั้นจะเกิดมาจากเชื้อรา เป็นไม้เนื้ออ่อนนิยมนำมาปะหน้าลำตัวแบบ Flat top เวลาทำสีจะค่อนข้างลำบากและเปลืองเพราะดูดสีมาก จะดูดีมากกับสี Tobacco Burst


 
 Birdseye Maple (Acer Saccharum-Hard Maple) ไม้แบบนี้พบได้จาก Hard Maple จะเป็นตาจุดๆแถวๆรอบนอกของลำต้นเท่านั้น นิยมใช้เป็นไม้ปะหน้าของลำตัว
Burl Maple (Acer Macrophyllum-Pacific Maple) มีลายที่ดูยุ่งเหยิงพอสมควร และมักจะพบรูกับรอยแยกปนอยู่ด้วย การอุดช่องว่างนั้นสามารถใช้ Epoxy อุดได้ มักใช้เป็นไม้ปะหน้า และนิยมทำสีแบบใส



 
 Poplar (Liriodendron Tulipifera) ไม้ชนิดนี้จัดเป็นไม้ที่ใช้ทำลำตัวมาตรฐานอีกชนิดที่ทางโรงงานต่างๆเลือกใช้กันมาอย่างช้านาน มีโทนสีเทา/เขียว เนื้อไม้เป็นเสี้ยนละเอียดไม่เป็นหลุมลึก ทำสีได้สะดวกดีจึงนิยมทำสีทึบปิด น้ำหนักของไม้จะหนักกว่า Alder อยู่นิดหน่อย แต่โทนเสียงจะเหมือนกับ Alder




Rosewood (Dalbergia Baroni) เป็นไม้ที่มีเนื้อแข็งและหนัก นอกจากจะนิยมใช้ทำ Finger Board แล้วยังใช้ทำลำตัวได้ด้วย ให้โทนเสียงอบอุ่นกว่าพวก Maple ซึ่งเสียงแหลมจะเก็บตัวมากกว่าด้วย เหตุผลหนึ่งนั้นมาจากน้ำมันที่อยู่ในเนื้อไม้เป็นตัวดูดซับไว้ ในการนำมาทำลำตัวนั้นจะทำสีได้ค่อนข้างลำบากเพราะน้ำมันที่ว่านั้น



 
 Brazilian Rosewood (Dalbergia Nigra) จัดว่าเป็น Rosewood ชั้นยอดที่มีลายสวยงามมากและแน่นอนว่ามีราคาแพงมากด้วยครับ เป็นไม้ที่มีสี และลายเสี้ยนแตกต่างกันในหลายลักษณะ เนื่องจากหายากและมีราคาแพงจึงนิยมนำมาปะหน้าลำตัวเพื่อความสวยงามเท่านั้น




 Sitka Spruce (Picea Sitchensis) ไม้นี้ใช้กันอย่างกว้างขวางกับกีตาร์โปร่งในส่วนของไม้แผ่นหน้า มีน้ำหนักเบาเนื้อละเอียด มีสีขาวครีม นิยมนำมาปะหน้าลำตัวเพื่อความสวยงาม





 Walnut (Juglans Nigra) เป็นไม้เนื้อแข็งและหนัก แต่ยังไม่หนักเท่า Hard Maple ให้เสียงในแนวทางเดียวกัน แต่ไม่เจิดจ้าเท่า Maple มีลายสวยงาม นิยมปิดผิวด้วยการเคลือบน้ำมัน






  Figured Walnut (Juglans Nigra) เป็นไม้ลายสวยขึ้นลายเด่นชัด นิยมนำมาปะหน้าลำตัวเพื่อความสวยงาม






 Zebrawood (Microberlinia Brazzavillensis) นี่คือไม้เนื้อหนักอีกชนิดหนึ่ง ลายเสี้ยนเด่นชัดเป็นเส้นสีน้ำตาลอ่อนแก่สะดุดตา น้ำหนักและเสียงจะคล้ายกับ Hard Maple นิยมนำมาปะหน้าลำตัวเพื่อความสวยงาม



เรื่องราวของไม้คงต้องจบลงแต่เพียงเท่านี้ ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องราวของอะไร โปรดติดตาม...สวัสดีครับ











---------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา :
http://www.oocities.org/v_thepawong/tableice013.10.htm

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไม้สำหรับใช้ทำกีตาร์


ไม้สำหรับใช้ทำกีตาร์ 
ตอนที่ 1
กีตาร์ที่เราใช้โดยส่วนใหญ่นั้นมักมีส่วนประกอบทำมาจากไม้กันทั้งนั้น ซึ่งไม้แต่ละชนิดจะมีลักษณะของลายด้านความสวยงาม และให้เสียงที่มีลักษณะแตกต่างกันไป เราลองมาทำความรู้จักกับไม้ชนิดต่างๆดูกันสักหน่อยดีไหมครับ? เผื่อว่าจะได้พบกับกีตาร์ในฝัน ทั้งความสวยงาม และสุ้มเสียง

 Alder (Alnus Rubra)
 เป็นไม้ที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างลำตัวกีตาร์กันอย่างแพร่หลาย เพราะว่ามีน้ำหนักค่อนข้างเบา และให้เสียงที่ออกเต็ม เนื่องจากมีลายเสี้ยนที่อยู่ชิดกันจึงทำให้สามารถทำสีได้อย่างสะดวก สีของไม้แท้ๆจะมีสีน้ำตาลอ่อน ลวดลายของวงปีจะคล้ายๆกัน ไม่มีแปลกแยกเท่าใดนัก เป็นไม้หลักที่ Fender นำมาใช้ทำลำตัวมาอย่างยาวนาน ให้ความสวยงามในการทำสีทั้งแบบ Sunburst และสีทึบ



  Ash (Fraxinus Americana) นิยมใช้กัน 2 ชนิดคือ Northern Hard Ash กับ Swamp Ash (Southern Soft Ash) ชนิด Hard Ash จะมีเนื้อที่แข็ง หนัก และแน่นกว่า ด้วยเนื้อที่แน่นนั้นทำให้เสียงที่ได้มีความใส และค้างยาว จึงเป็นที่นิยมกัน สีตามธรรมชาติจะเป็นสีครีม แต่บริเวณแกนอาจมีสีอมชมพูจนถึงน้ำตาลได้
มีรูเสี้ยนค่อนข้างห่าง ทำให้เวลาทำสีต้องใช้เวลามากในการทำสีกลบรูเสี้ยนจนเต็มเพื่อผิวที่เรียบ ส่วนชนิด Swamp Ash นั้นจะมีราคาที่ย่อมเยาลงมาหน่อย เป็นไม้ที่ให้เสียงที่เป็นดนตรี ให้ความสมดุลระหว่างเสียงที่ใสกับอบอุ่นได้อย่างลงตัว มีความนุ่มนวลระรื่นหู เนื่องจากมีน้ำหนักที่เบากว่าจึงทำให้เป็นที่นิยมมากกว่า Fender ในยุค '50s นั้นจะทำมาจาก Swamp Ash เป็นส่วนใหญ่ เนื้อไม้ธรรมชาติมีลายวงปีจะขึ้นชัดเจนสีครีม เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำสีแบบใสมองทะลุเห็นเนื้อไม้


Basswood
 (Tilia Americana) เป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบา เนื้ออ่อน เนื้อไม้มีสีขาวและ มีจุดสีเขียวปนอยู่บนเนื้อด้วย มีเสี้ยนที่อยู่ชิดกัน สามารถดูดซับสีได้หลากหลาย
รูปแบบ แต่ไม่เหมาะกับการทำสีแบบใส ให้เสียงที่ออกไปทางอบอุ่น เป็นไม้ที่ Ibanez นิยมนำมาทำลำตัวกีตาร์มากกว่าใคร





 Bubinga (Guibourtia Demeusei)
 เป็นไม้เนื้อแข็ง นิยมนำมาทำคอของ Bass และปะหน้าเพื่อความสวยงาม ใช้ทำ Fretboard ของกีตาร์ Rickenbacker
ส่วน Warwick นำมาทำลำตัวเบส สำหรับการใช้ทำคอจะให้เสียงกลางที่สดใส และเสียงทุ้มที่หนาดีมาก เนื่องจากมีน้ำหนักมากจึงนิยมนำมาใช้ปะเป็นไม้หน้า
ของกีตาร์เท่านั้น


 Goncalo Alves (Astronium Fraxini Folium)
 เป็นไม้เนื้อแน่น และเรียบ
ผิวเป็นมันลื่น อยู่ได้โดยไม่ต้องทำสีทับ เนื้อไม้มีสีน้ำตาลสลับลายสีช็อคโกแลตเข้ม บริษัท Smith&Wesson ใช้เป็นไม้ทำด้ามปืน (เกี่ยวกันไหมเนี่ย!) เนื้อไม้ให้เสียงที่อบอุ่นและสะอาด ส่วนใหญ่จะใช้ทำคอ และปะหน้าลำตัว



 Koa (Acacia Koa)
 ถ้าใครยังจำกีตาร์ของคุณ Pop(The Sun) ในยุคที่เป็นหิน เหล็ก ไฟ ได้ กีตาร์ตัวนั้นใช้ไม้ชนิดนี้ครับ เป็นไม้ที่มีลายสวยงาม แหล่งผลิตหลักคือเกาะฮาวาย แต่มีออกมาในจำนวนจำกัด เนื้อไม้มีน้ำหนักไม่คงที่อยู่ในช่วงหนักปานกลางจนถึงหนักมาก ให้เสียงที่ดีมากในการใช้ทำลำตัวของเบส เป็นไม้ที่ให้เสียงอบอุ่นแบบเดียวกับ Mahogany แต่จะมีความใสมากกว่านิดหน่อย สามารถเคลือบด้วยน้ำมันได้ แต่จะดูดีกว่าถ้าทำสีแบบใส


 Figured Koa (Acacia Koa)
 มีความสวยงามแตกต่างออกไปตรงมีลายขวาง (Flame) นิยมใช้เป็นไม้ปะหน้าแบบบาง






Korina, Black (Terminalia Superba)
 ชื่อจริงๆคือ Limba จากแอฟริกา มีน้ำหนักปานกลาง ให้เสียงที่อบอุ่นแบบเดียวกับ Mahogany บางครั้งจะพบที่มีสีเขียวมะกอกปนเสี้ยนสีดำ เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำเบส ผิวให้ความรู้สึกมันลื่น
ใช้วิธีเคลือบน้ำมันจะดีกว่าการทำสีทับ





 Korina, White (Terminalia Superba)
 ชื่อจริงๆคือ Limba จากแอฟริกา มีน้ำหนักปานกลางจนถึงหนักมากมาก ให้เสียงที่อบอุ่นแบบเดียวกับ Mahogany บางครั้งจะพบที่มีสีเขียวปนเหลืองอ่อน ซึ่งจะดูดีมากหากย้อมด้วยสีเหลือง เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำเบส ผิวให้ความรู้สึกมันลื่น ใช้วิธีเคลือบน้ำมันจะดีกว่าการทำสีทับ





 Lacewood (Cardwellia Sublimis)
 เป็นไม้ที่มีกำพืดอยู่ใน Australia มีน้ำหนักปานกลาง ลายของไม้จะเป็นจุดตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ในแบบเฉพาะตัว ให้ความสวยงามมากในการนำมาปะด้านหน้าแบบเข้าคู่กัน ให้เสียงในแบบเดียวกับ Alder







 Mahogany (Khaya Ivorensis)
 เป็นไม้ที่มีความหนักปานกลางจนถึงหนักมาก
มีเสี้ยนที่ละเอียด ให้เสียงอบอุ่น เต็ม และค้างยาว เสี้ยนมีรูพรุนแต่ทำสีปิดง่าย
ให้ความสวยงามพอใช้ในการทำสีแบบใส จะดูดีกว่าเมื่อทำสีแบบแดงใส




เรื่องราวของไม้ยังไม่จบนะครับ มีต่อครั้งหน้าแน่ๆ และถ้ายังไม่จบก็จะต้องมีกันอีกในครั้งต่อไป พบกันใหม่ครั้งหน้า ...สวัสดีครับ










---------------------------------------------------------------------------
ที่มา : http://www.oocities.org/v_thepawong/tableice013.9.htm

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทรงกีตาร์โปร่ง


รูปทรงของกีตาร์โปร่ง
Dreadnought
ทรงนี้จะเป็นที่คุ้นตากันหน่อยนะครับ ต้นตำหรับทรงนี้ก็จะเป็นยี่ห้อ Martin ครับเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ
จากนั้นก็มีหลายยี่ห้อหลายรุ่นที่ทำทรงนี้ออกมา อ่านว่า เดรดนาว ครับสำหรับ กีตาร์ทรง Dreadnought เสียงออกทุ้มหน่อยๆ ความกังวาลพอตัว น่ามีไว้เป็นเจ้าของ
 
รูปกีตาร์ Martin ,D-28

Round shoulder dreadnought
ทรง Round shoulder นี้สวยดีนะครับ ค้ลายทรง Dreadnought ต่างกันตรงที่บริเวณไหล่ทั้งสองข้างจะโค้งมนดูเป็นทรงกลมกว่า เสียงที่ออกมาก็คล้ายๆ กันแต่ออกใสๆ และอบอุ่นๆกว่า (เสียง  warm ว่างั้น )อั้นนี้ต้องลองไปเล่นเอง
 
รูปกีตาร์ Gibson J45

กีตาร์ทรง Auditorium
กีตาร์ทรง Auditorium นี้รูปทรงสวยงาม (มีช่วงเอวที่เพรียวบางเสียงกังวาลดีครับ เสียงออกแหลมนิดๆ น้ำเสียงหวานดีครับ อันนี้ต้องลองไปทดสอบกันดู
 
รูปกีตาร์ Taylor 214CE

กีตาร์ทรง Jumbo
กีตาร์ทรงนี้ดูคล้ายๆ ทรง Auditorium ครับแต่ใหญ่กว่าค่อนข้างมากในทุกๆสัดส่วน  เสียงที่ออกมาจะให้ความกังวานมากกว่าทรงอื่นๆ แต่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างใหญ่ครับ คนรูปร่างเล็กช่วงแขนจะสั้นทำให้เล่นลำบาก
 
รูปกีตาร์ Takamine (ทา-คา-มิ-เนะ) ,jumboEG523SC

กีตาร์รูปแบบอื่นๆ
-กีตาร์หลังเต่า ด้านหน้า ส่วนคอ fingerboard ก็เหมือนกับกีตาร์โปร่งทั่วไปต่างกันตรงที่ด้านหลัง และด้านข้างทำจาก Fiber-plastic ขึ้นรูปให้เป็นชิ้นเดียวกันมีลักษณะโค้งเหมือนหลังเต่า ว่ากันว่าอย่าวิจารณ์ว่ากีตาร์หลังเต่าเสียงดีไม่ดีจนกว่าจะได้ลองเล่นยี่ห้อ Ovation เสียก่อน  ซึ่งถือเป็นต้นตำหรับสำหรับกีตาร์หลังเต่า โดย Fiber ที่ใช้ทำนั้นเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ทำใบพัดเครื่องบิน ขึ้นรูปด้วยเทคนิคขั้นสูงตัว plastic ที่ได้จะไร้พองอากาศ ให้คุณภาพเสียงที่ดีเสียง  จริงๆแล้วเดี๋ยวนี้มีหลายยี่ห้อที่ทำมาจำหน่ายแต่เรื่องของเสียงต้องลองเล่นดูครับ
 

-กีตาร์ทรง Baby
ทรงนี้ก็สมชื่อครับ รูปทรงข้อนข้างเล็ก ว่ากันว่าทำมาเพื่อให้เด็กใช้เล่น แต่เห็นผู้ใหญ่หลายคนก็นำมาเล่นครับ บางยี่ห้อเสียงกังวาลพอตัวเหมือนกัน แต่จะให้เสียงกังวานเหมือนกีตาร์ตัวใหญ่ๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ครับ  แนะนำให้ไปลองเล่น ของ Taylor ดูก่อนถ้ามีโอกาส แล้วเทียบเสียงกับยี่ห้ออื่นๆดู

-Slim art body ตัวบางๆ เสียงไม่ค่อยกังวาล แต่เสียงคม ใสใครมีไว้ครอบครองแนะนำให้ต่อเสียงออกตู้ลำโพงดู รับรองว่าแจ่มครับ
-Archtop guitar
บางรุ่นไม่มีช่องเสียง (Sound Hole) บางรุ่นเป็นรูปตัว คล้ายๆกับช่องเสียงของไวโอลีน ราคาถูกแพงแล้วแต่ยี่ห้อ ถ้าสนใจใจก็ลองไปฟังเสียงได้ตามร้านกีตาร์






----------------------------------------------
ที่มา : http://www.guitarbasic.net/index.php/2012-08-20-06-35-34/50-2012-08-20-08-30-07