ตอนที่ 1
กีตาร์ที่เราใช้โดยส่วนใหญ่นั้นมักมีส่วนประกอบทำมาจากไม้กันทั้งนั้น ซึ่งไม้แต่ละชนิดจะมีลักษณะของลายด้านความสวยงาม และให้เสียงที่มีลักษณะแตกต่างกันไป เราลองมาทำความรู้จักกับไม้ชนิดต่างๆดูกันสักหน่อยดีไหมครับ? เผื่อว่าจะได้พบกับกีตาร์ในฝัน ทั้งความสวยงาม และสุ้มเสียง![]() ![]() ![]() ![]() Ash (Fraxinus Americana) นิยมใช้กัน 2 ชนิดคือ Northern Hard Ash กับ Swamp Ash (Southern Soft Ash) ชนิด Hard Ash จะมีเนื้อที่แข็ง หนัก และแน่นกว่า ด้วยเนื้อที่แน่นนั้นทำให้เสียงที่ได้มีความใส และค้างยาว จึงเป็นที่นิยมกัน สีตามธรรมชาติจะเป็นสีครีม แต่บริเวณแกนอาจมีสีอมชมพูจนถึงน้ำตาลได้ มีรูเสี้ยนค่อนข้างห่าง ทำให้เวลาทำสีต้องใช้เวลามากในการทำสีกลบรูเสี้ยนจนเต็มเพื่อผิวที่เรียบ ส่วนชนิด Swamp Ash นั้นจะมีราคาที่ย่อมเยาลงมาหน่อย เป็นไม้ที่ให้เสียงที่เป็นดนตรี ให้ความสมดุลระหว่างเสียงที่ใสกับอบอุ่นได้อย่างลงตัว มีความนุ่มนวลระรื่นหู เนื่องจากมีน้ำหนักที่เบากว่าจึงทำให้เป็นที่นิยมมากกว่า Fender ในยุค '50s นั้นจะทำมาจาก Swamp Ash เป็นส่วนใหญ่ เนื้อไม้ธรรมชาติมีลายวงปีจะขึ้นชัดเจนสีครีม เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำสีแบบใสมองทะลุเห็นเนื้อไม้ ![]() ![]() Basswood (Tilia Americana) เป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบา เนื้ออ่อน เนื้อไม้มีสีขาวและ มีจุดสีเขียวปนอยู่บนเนื้อด้วย มีเสี้ยนที่อยู่ชิดกัน สามารถดูดซับสีได้หลากหลาย รูปแบบ แต่ไม่เหมาะกับการทำสีแบบใส ให้เสียงที่ออกไปทางอบอุ่น เป็นไม้ที่ Ibanez นิยมนำมาทำลำตัวกีตาร์มากกว่าใคร ![]() ![]() Bubinga (Guibourtia Demeusei) เป็นไม้เนื้อแข็ง นิยมนำมาทำคอของ Bass และปะหน้าเพื่อความสวยงาม ใช้ทำ Fretboard ของกีตาร์ Rickenbacker ส่วน Warwick นำมาทำลำตัวเบส สำหรับการใช้ทำคอจะให้เสียงกลางที่สดใส และเสียงทุ้มที่หนาดีมาก เนื่องจากมีน้ำหนักมากจึงนิยมนำมาใช้ปะเป็นไม้หน้า ของกีตาร์เท่านั้น ![]() ![]() Goncalo Alves (Astronium Fraxini Folium) เป็นไม้เนื้อแน่น และเรียบ ผิวเป็นมันลื่น อยู่ได้โดยไม่ต้องทำสีทับ เนื้อไม้มีสีน้ำตาลสลับลายสีช็อคโกแลตเข้ม บริษัท Smith&Wesson ใช้เป็นไม้ทำด้ามปืน (เกี่ยวกันไหมเนี่ย!) เนื้อไม้ให้เสียงที่อบอุ่นและสะอาด ส่วนใหญ่จะใช้ทำคอ และปะหน้าลำตัว ![]() ![]() Koa (Acacia Koa) ถ้าใครยังจำกีตาร์ของคุณ Pop(The Sun) ในยุคที่เป็นหิน เหล็ก ไฟ ได้ กีตาร์ตัวนั้นใช้ไม้ชนิดนี้ครับ เป็นไม้ที่มีลายสวยงาม แหล่งผลิตหลักคือเกาะฮาวาย แต่มีออกมาในจำนวนจำกัด เนื้อไม้มีน้ำหนักไม่คงที่อยู่ในช่วงหนักปานกลางจนถึงหนักมาก ให้เสียงที่ดีมากในการใช้ทำลำตัวของเบส เป็นไม้ที่ให้เสียงอบอุ่นแบบเดียวกับ Mahogany แต่จะมีความใสมากกว่านิดหน่อย สามารถเคลือบด้วยน้ำมันได้ แต่จะดูดีกว่าถ้าทำสีแบบใส ![]() ![]() Figured Koa (Acacia Koa) มีความสวยงามแตกต่างออกไปตรงมีลายขวาง (Flame) นิยมใช้เป็นไม้ปะหน้าแบบบาง ![]() ![]() Korina, Black (Terminalia Superba) ชื่อจริงๆคือ Limba จากแอฟริกา มีน้ำหนักปานกลาง ให้เสียงที่อบอุ่นแบบเดียวกับ Mahogany บางครั้งจะพบที่มีสีเขียวมะกอกปนเสี้ยนสีดำ เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำเบส ผิวให้ความรู้สึกมันลื่น ใช้วิธีเคลือบน้ำมันจะดีกว่าการทำสีทับ ![]() ![]() Korina, White (Terminalia Superba) ชื่อจริงๆคือ Limba จากแอฟริกา มีน้ำหนักปานกลางจนถึงหนักมากมาก ให้เสียงที่อบอุ่นแบบเดียวกับ Mahogany บางครั้งจะพบที่มีสีเขียวปนเหลืองอ่อน ซึ่งจะดูดีมากหากย้อมด้วยสีเหลือง เป็นไม้ที่นิยมนำมาทำเบส ผิวให้ความรู้สึกมันลื่น ใช้วิธีเคลือบน้ำมันจะดีกว่าการทำสีทับ ![]() ![]() Lacewood (Cardwellia Sublimis) เป็นไม้ที่มีกำพืดอยู่ใน Australia มีน้ำหนักปานกลาง ลายของไม้จะเป็นจุดตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ในแบบเฉพาะตัว ให้ความสวยงามมากในการนำมาปะด้านหน้าแบบเข้าคู่กัน ให้เสียงในแบบเดียวกับ Alder ![]() ![]() Mahogany (Khaya Ivorensis) เป็นไม้ที่มีความหนักปานกลางจนถึงหนักมาก มีเสี้ยนที่ละเอียด ให้เสียงอบอุ่น เต็ม และค้างยาว เสี้ยนมีรูพรุนแต่ทำสีปิดง่าย ให้ความสวยงามพอใช้ในการทำสีแบบใส จะดูดีกว่าเมื่อทำสีแบบแดงใส เรื่องราวของไม้ยังไม่จบนะครับ มีต่อครั้งหน้าแน่ๆ และถ้ายังไม่จบก็จะต้องมีกันอีกในครั้งต่อไป พบกันใหม่ครั้งหน้า ...สวัสดีครับ |
---------------------------------------------------------------------------
ที่มา : http://www.oocities.org/v_thepawong/tableice013.9.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น